Scroll to top

เทคนิคตามหลอกหลอนลูกค้าด้วยโฆษณา Remarketing

ถ้าใครทำธุรกิจบนโลกออนไลน์อย่าง Facebook , Instagram, หรือบน Website อยู่แล้ว คงจะรู้สึกได้ว่าการทำโฆษณาบนโลกออนไลน์ในยุคนี้นั้นยากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี้มีธุรกิจเข้ามาในโลกออนไลน์มากมาย มีเพจและเว็บไซต์ธุรกิจเกิดขึ้นเต็มไปหมด นั่นหมายถึงการแข่งขันก็มากตามไปด้วย

 

หลายๆคนคิดว่า การตลาดออนไลน์คือการโพสต์สินค้าของคุณ ลงใน Social Media ซื้อโฆษณาให้ลูกค้าเห็น พอเห็นเค้าก็จะซื้อสินค้าหรือบริการของคุณ แต่ความเป็นจริงมันไม่ใช่แบบนั้นครับ จากสถิติแล้ว ต่อให้คุณเลือกกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจนและแม่นยำแล้ว แต่เชื่อไหมครับว่ามีเพียงแค่ 3 คนจาก 100 คนเท่านั้น (คิดเป็น 3%) ที่พร้อมจะซื้อสินค้าคุณในตอนนั้นทันทีทีเห็นโฆษณาในครั้งแรก ส่วนอีก 97% อาจจะยังไม่พร้อม หรืออาจจะยังไม่ได้มีความต้องการในตอนนั้น และในแต่ละวันเราเห็นโฆษณาสินค้าไม่ต่ำกว่า 30-40 แบรนด์ ดังนั้น โอกาสที่เราจะจำแบรนด์ หรือเว็บไซต์สินค้าที่เราชอบสักอันหนึ่งมันเป็นเรื่องที่ยากมาก ลูกค้าอาจจะจำได้ว่าน้ำผลไม้ แต่จำไม่ได้ว่าแบรด์ชื่ออะไร หรืออาจจะจำได้ว่าเป็น แบรนด์ Furniture Design แต่จำไม่ได้ว่าเจ้าไหน และนี่คือหน้าที่ของการทำโฆษณาแบบ “Remarketing หรือ การทำโฆษณาตามหลอกหลอน” ที่เราจะมาพูดถึงกันในวันนี้ครับ
ฝั่ง Google จะเรียกว่า Remarketing ส่วน ฝั่ง Facebook เรียกว่า Retargeting แปลง่าย ๆ Re ก็คือซ้ำ แล้วก็ marketing คือทำการตลาด ก็คือ ทำการตลาดซ้ำๆ
Retargeting หรือ Remarketing เป็นอีกหนึ่งในกลยุทธทางการตลาดออนไลน์ ที่ช่วยทำการกระตุ้นให้ลูกค้ากลับเข้ามาซื้อสินค้าหรือบริการของเรา หรือกลับเข้ามาในเว็บไซต์ของเราอีก  คือเมื่อมีลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมกับเว็บไซต์ หรือโพสต์ใน social medias ไม่ว่าจะใน facebook / instagram ของเราแล้ว เราก็จะมีการเก็บข้อมูลของลูกค้าคนนั้นเอาไว้ และเมื่อลูกค้าไปใช้บริการเว็บอื่นๆ หรือช่องทาง Social Media อื่นๆลูกค้าก็จะเห็น Ads โฆษณา สินค้า หรือโปรโมชั่นต่างๆของเราตามติดลูกค้าไปทุกหนทุกแห่งนั่นเอง
ลองนึกดูว่าคุณเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ไหม ดูวีดีโอ หรือกดอ่านโฆษณาบน Facebook หลังจากนั้นก็เห็นโฆษณาของแบรนด์นั้นบน Facebook Feed ตลอด หรือ แค่คลิกเข้าไปในเว็บไซต์ของแบรนด์เพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นก็เจอโฆษณาของแบรนด์นั้นตามหลอกหลอนอยู่ทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทาง Facebook Instagram หรือ YouTube และ แบนเนอร์บนเว็บไซต์ต่างๆ (GDN) ซึ่งจุดประสงค์ที่แบรนด์ส่วนใหญ่ใช้เทคนิคนี้ เพราะต้องการให้ลูกค้า “จำ” แบรนด์ หรือ สิ่งที่แบรนด์ต้องการนำเสนอได้ ลดโอกาสการถูกแทรกแซงจากแบรนด์คู่แข่ง เพื่อให้ลูกค้าเกิดความสนใจและกลับเข้ามาใช้บริการบนเว็บไซต์ หรือมีส่วนร่วมกับกิจกรรมของเราอยู่เสมอๆ รวมถึงช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อสินค้าให้เร็วขึ้นด้วย

ทำไมธุรกิจของคุณควรทำ Facebook Remarketing?

1. เพิ่มโอกาสปิดการขายได้มากกว่าเดิม

คงจะไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าคนที่เคยผ่านตาแบรนด์ของเราและทำความเข้าใจสินค้าของเรามาก่อน ย่อมมีเปอร์เซ็นต์ที่เค้าจะมีปฏิสัมพันธ์กับโพสต์หรือซื้อสินค้าที่สูงขึ้น เพราะคนเหล่านั้นน่าจะมีความสนใจอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อด้วยเหตุผลบางประการ การที่เราทำ Remarketing โดยการส่งโพสต์กลับไป “ตื้อ” ลูกค้าของเราซ้ำ ให้เค้าไม่ลืมสินค้าของเรา ก็ย่อมปิดการขายได้ดีมากขึ้นด้วย
หากธุรกิจของคุณเป็นธุรกิจที่มีเว็บไซต์ คงทราบดีว่าอัตรา Conversion rate ปกติของเว็บไซต์ธุรกิจทั่วไป คือ 1-3% กล่าวคือ ถ้ามีคนเข้าเว็บไซต์คุณ 100 คน ธุรกิจส่วนใหญ่จะปิดการขายได้ที่ 1-3 คนเท่านั้น คำถามคือแล้ว 90กว่าคนที่หาย เราจะทำอย่างไรกับคนเหล่านั้น? เราจะทิ้งเค้าไปให้สูญเปล่าไปยังนั้นเหรอ ทั้งๆที่เค้ามีโอกาสจะซื้อสินค้าของเรามากกว่าคนที่ไม่รู้จักเราเลย การยิงโพสต์โฆษณาไปหาเค้าซ้ำ หรือการทำ Remarketing เพื่อให้เค้าตัดสินใจกลับมาซื้อใหม่ หรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมย่อมทำให้อัตราการปิดการขายของเว็บไซต์เราสูงขึ้นมากกว่าอัตราปกติได้ หรือทำให้บริการที่ต้องใช้การตัดสินใจที่ยาวนาน ดูน่าเชื่อถือและน่าจดจำเหนือคู่แข่งได้

2. มีส่วนร่วมกับกลุ่มลูกค้าอยู่เสมอ

จากสถิติ ลูกค้า 96% ปิดเว็บไซต์โดยไม่ได้ทำการสั่งซื้ออะไร และ 49% ต้องใช้เวลา 2-4 ครั้งในเว็บไซต์เดิมก่อนจะตัดสินใจสั่งซื้อ ฉะนั้นเราไม่ควรปล่อยกลุ่มเป้าหมายที่เข้ามาในเว็บไซต์แล้วให้หลุดลอยไป การเห็นโพสต์เป็นครั้งที่ 2-3 จะเปิดโอกาสให้เค้าได้อ่านและทำความเข้าใจสินค้าของเรามากขึ้นว่าเรามีสินค้าอะไร มีจุดเด่นอย่างไร ฯลฯ เหมาะมากกับธุรกิจที่มี Customer Journey ในส่วน Consideration นาน หรือมีกระบวนการตัดสินใจก่อนซื้อนาน เช่น สินค้าราคาแพง อย่างรถยนต์ คอนโด หรือสินค้านวัตกรรมใหม่ที่ต้องอ่านทำความเข้าใจพอสมควร ตัวอย่างเช่น เราอาจจะใช้บทความเพื่อทำการ Remarketing ในการนำเสนอบอกโปรโมชั่น หรือบอกรายละเอียดสินค้าหรือบริการของคุณเพิ่มเติมก็ได้ เช่นหากลูกค้าเคยเข้าเว็บไซต์ของคุณที่ขายรถยนต์มือสอง คุณอาจจะ นำเสนอเรื่องเทคนิคที่ต้องรู้ก่อนเลือกซื้อรถยนต์มือสอง เพื่อสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า สร้างความน่าเชื่อถือ และน่าจดจำให้กับคุณ

3. ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

ต่อให้สินค้าของคุณ หรือบริการของคุณดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีคนรู้จัก ก็คงไม่มีประโยชน์ ทำให้เขาเห็นเรา เพราะถ้าเขาไม่เห็นก็ไม่มีทางรู้จัก และถ้าเราไม่ได้ทำให้เค้าเห็นบ่อยๆ เค้าก็ไม่มีทางจำได้
ถ้าเป็นสมัยก่อนการที่จะทำให้คนจำได้ อาจจะต้องใช้เงินมหาศาล ถ้าอยากจะให้จำชื่อแบรนด์เราได้ อาจจะต้องลงโฆษณาในวิทยุ ถ้าอยากจะให้จำภาพเราได้อาจจะต้องลงโฆษณาในนิตยสาร หรือในทีวี ซึ่งอาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่การจ้างพรีเซนเตอร์ ผลิตหนังโฆษณาไปจนถึงค่าโฆษณา ที่จะต้องจ่ายให้กับสื่อต่างๆตั้งแต่หลักแสนบาทไปจนถึงสิบล้าน และโฆษณาเหล่านั้นมักจะวัดผลไม่ได้ และเลือกกลุ่มเป้าหมายได้ไม่แม่นยำมาก แต่ปัจจุบันเราสามารถเป็นที่จดจำ หรือ “Top of Mind” ของกลุ่มเป้าหมายเราด้วยเงินโฆษณาเพียงไม่กี่บาท ผ่านการทำ Remarketing ที่ผ่านการวางแผนมาอย่างดี

4. ดึงดูดลูกค้าของคู่แข่งของคุณ

ด้วยการ Remarketing โฆษณาของคุณจะถูกแสดงขึ้นบนเว็บไซต์ และ social media อื่นๆ หลังจากที่ลูกค้าเข้าเว็บไซต์ของคุณหรือค้นหา บริการ หรือธุรกิจด้วย คำค้นหาที่เราช่วยคุณวางแผนไว้ นั่นหมายถึงคุณสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายว่าเป็นคนที่เคยเข้าเว็บไซต์ของคุณ หรือสนใจในคำค้นหาใด รวมถึงชื่อของคู่แข่งทางธุรกิจของคุณด้วย

5. ค่าโฆษณาที่ถูกกว่า

การ Remarketing นั้นอาจจะมีขั้นตอนและวิธีทำวุ่นวายในช่วงแรก แต่ในทางกลับกันแล้ว โฆษณาแบบ Remarketing มีโอกาสที่คนจะคลิกเข้าไปดูมากกว่าโฆษณาทั่วไปถึง 10 เท่า และการที่เราเลือกที่จะทำโฆษณาให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจอยู่แล้ว ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสที่จะปิดการขายสินค้าหรือบริการได้มากขึ้น ช่วยให้ใช้เงินโฆษณาได้อย่างคุ้มค่า

สรุป

ถึงแม้ว่าการทำโฆษณาแบบ Remarketing จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกับกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มจะซื้อสินค้า แต่เราควรต้องคำนึงถึงการดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่เคยเข้ามาในเว็บไซต์ของเราด้วยการทำโฆษณาในรูปแบบต่างๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างมากยิ่งขึ้น การเลือกใช้คอนเทนต์ มาร์เก็ตติ้ง การเลือกใช้ Influencer Marketing การทำ SEO การเลือกรูปแบบโฆษณา เลือกใช้ VDO การเขียน Copywriting ภาษา โปรโมชั่น ระยะเวลา และปัจจัยอื่นๆ ก็เป็นส่วนประกอบที่จะทำให้โฆษณาของคุณประสบความสำเร็จเช่นกัน

ถ้าหากคุณสงสัย หรือสนใจที่จะให้ทาง Crossover.Lab ช่วยเหลือคุณในการวางกลยุทธ์ในการทำโฆษณา หรือรับคำปรึกษา Digital Marketing Consultant สามารถกดรับคำปรึกษาได้เลย

Author avatar
CROSSOVER.LAB
https://wearecrossoverlab.com
Crossover.Lab คือห้องวิจัยและจัดเก็บพลังอันสร้างสรรค์ เราบริการครอบคลุมทุกอย่างด้าน การตลาดออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น วางแผนการตลาดในช่องทางออนไลน์ การทำ SEO/SEM ออกแบบ/ปรับแต่ง รับทำเว็บไซต์ ยิงโฆษณาขึ้นสื่อออนไลน์ต่างๆ รวมถึง การออกแบบ และการทำคอนเทนต์เพื่องานโฆษณา หากคุณต้องการพัฒนาธุรกิจของคุณ ให้เข้าสู่การตลาดแห่งยุคอนาคต Crossover.Lab คือคำตอบ