Scroll to top

Facebook Ads กับ Google Ads โฆษณาแบบไหนเหมาะกับคุณ

จากที่ Crossover.Lab ได้มีประสบการณ์ในการให้คำปรึกษา ในการทำเว็บไซต์ และเป็นที่ปรึกษาทางด้านการตลาดออนไลน์ครบวงจร  (Digital Marketing Consultant) ให้กับธุรกิจขนาดกลาง ใหญ่ และ SME เรามักพบว่าลูกค้ากว่าครึ่ง ยังไม่เข้าใจ ข้อแตกต่างระหว่าง Facebook Ads กับ Google Ads ซึ่งอาจจะฟังดูไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่นั่นหมายถึงการที่คุณไม่เข้าใจ ข้อแตกต่างของการลงโฆษณา 2 ช่องทางนี้ อาจจะทำให้คุณไม่สามารถบรรลุ “เป้าหมาย” หรือ “จุดประสงค์” ของการทำโฆษณาในครั้งนั้นก็ได้
นั่นหมายถึงคุณอาจจะต้องเสียเงินค่าโฆษณาไปฟรีๆ หรือทำให้ KPI ไม่ตรงไปตามที่ควรจะเป็น แต่ก่อนที่จะพูดถึงข้อแตกต่าง ในการลงโฆษณาออนไลน์ เราอยากแนะนำให้คุณรู้จักกับ ประโยชน์ของการทำการตลาดออนไลน์ และโฆษณาออนไลน์กันก่อน

ทำไมถึงควรทำการตลาดออนไลน์ ?

คุณน่าจะทราบดีอยู่แล้วว่าปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือ ที่เข้าถึง internet ได้ถือว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ หรืออาจจะเรียกว่าปัจจัยที่ 5 ของมนุษย์เลยก็ว่าได้ ในสมัยก่อน ถ้าหากเราอยากจะได้อะไรสักอย่าง เราอาจจะต้องเดินทางไปตามร้าน ห้างสรรพสินค้า หรือโชว์รูม เพื่อสอบถามข้อมูลสินค้ากับพนักงานขาย เพื่อเข้าถึงข้อมูลของสินค้าและบริการนั้นๆ

แต่สมัยนี้ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ใด ขอแค่มีสัญญาน Internet เราก็สามารถเข้าเว็บไซต์ Google เพื่อค้นหาข้อมูล ใช้เปรียบเทียบ ราคา รายละเอียดของสินค้า บริการ และอ่านรีวิวที่ถ่ายทอดจากประสบการณ์ของผู้ใช้งานจริง หรือแม้กระทั่งสั่งซื้อสินค้า ทุกอย่างที่กล่าวมา สามารถทำผ่านโทรศัพท์มือถือได้ทั้งหมดเลย

นอกจากนี้ในทุกครั้งที่เราว่าง เรามักจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่น เพื่ออัฟเดทข่าวสารต่างๆใน Social Network อาทิเช่นใน Facebook , Instagram , Twitter เกือบตลอดเวลา อย่างเช่นระหว่างรออาหาร ขึ้นลิฟท์ ระหว่างการเดินทาง ระหว่างรถติด เป็นต้น
ในปี 2022 คนไทยมีสัดส่วนการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต 77.8% เมื่อเทียบกับประชากรทั้งประเทศ และคนไทยยังใช้เวลาอยู่บนโลกออนไลน์มากถึง 9.06 ชั่วโมงต่อวัน เรียกได้ว่าอยู่บนโลกอินเทอร์เน็ตมากกว่า 1 ใน 3 ของวันเสียอีก ส่วนค่าเฉลี่ยโลก อยู่ที่ 6.58 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าถ้าคุณกำลังสนใจที่จะทำการตลาดออนไลน์ในปัจจุบัน สินค้าหรือบริการของคุณควรจะเลือกใช้บริการใดดีระหว่าง Google Ads หรือ Facebook Ads เพราะทั้งสองแพลตฟอร์มที่กล่าวมานั้น ถือได้ว่าเป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลอันดับต้นๆ ของชาวไทยเลยก็ว่าได้

ทำไมต้องโฆษณาบน Facebook? (ข้อดีของ Facebook Ads)

Facebook Ads มีความสามารถพิเศษ จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ได้อย่างแม่นยำ และเป็นจำนวนมาก ผ่านการกำหนดกลุ่มเป้าหมายจากความสนใจ, ภูมิภาคที่อยูอาศัย, ช่วงอายุ ,เพศ ,การศึกษา หรือสิ่งที่สนใจต่างๆ อาทิเช่น แบรนด์สินค้า ความชอบและ ลักษณะนิสัย เป็นต้น
นอกจากนี้ยังสามารถสร้าง แคมเปญโฆษณาเพื่อนำเสนอสินค้าและบริการ ให้แตกต่างไปตามกลุ่มเป้าหมายได้ด้วย ถ้าหากมีการจัดเรียงและวางกลยุทธ์ในการสื่อสารดีๆ สามารถเป็นตัวช่วยในการปิดการขายได้อย่างง่ายดาย

ในปี 2022 ข้อมูลจาก Digital 2022 Global Overview พบสถิติการใช้โซเชียลมีเดียปรากฏว่า ในประเทศไทยมีผู้ใช้ Facebook สูงถึง 50.05 ล้านราย ซึ่งเป็นอัตราส่วนต่อประชากรทั้งหมดอยู่ที่ 81.2% เป็นอันดับที่ 8 ของโลก ซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่มาก รวมถึงการซื้อสื่อโฆษณาบน Facebook เป็นอับดับหนึ่งเมื่อเทียบกับสื่อประเภทอื่น

นอกจากนี้ยังพบว่าคนส่วนใหญ่ใช้เวลาบน Facebook กว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน โดยเข้าใช้งานเฉลี่ยวันละ 14 ครั้ง  

ตัวอย่าง Content ที่ใช้โฆษณาบน Facebook Ads ที่เราทำให้กับบริษัท Muller Design Soultion
Facebook Ads จึงเหมาะที่จะนำเสนอสินค้าและบริการใหม่ๆ ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง แถมยังสามารถใช้เพื่อช่วยสนับสนุนกับ Offline Business อย่างร้านค้า ร้านอาหาร โดยสามารถเลือกโฆษณาไปเฉพาะกลุ่มที่อาศัยอยู่ระแวกใกล้เคียงกับร้าน ไม่ว่าจะเป็นนำเสนอโปรโมชั่นพิเศษ หรือประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่างๆ ก็สามารถทำได้

ทำไมต้องโฆษณาบน Google? (ข้อดีของ Google Ads)

จากสถิติพบว่า 95% ของประสบการณ์ออนไลน์ของคน จะเริ่มต้นด้วยการค้นหา ทุกวันนี้เราแทบจะไม่พิมพ์ URL ของเว็บไซต์ที่เราอยากเข้ากันแล้ว  จึงทำให้ปัจจุบันเว็บไซต์ Google มียอดเข้าใช้งานเป็นดับหนึ่งในประเทศ และใช้เป็น Search Engine ยอดนิยม ที่คนไทยใช้ในการค้นหาข้อมูลสูงถึง 99.33% 
Google Ads มีข้อดีตรงที่สามารถเข้าหากลุ่มเป้าหมาย ที่กำลังมีความต้องการ ในตัวสินค้า หรือ บริการได้อย่างแม่นยำ เพราะว่าทุกครั้งในการลงโฆษณา เราจำเป็นต้องกำหนด Keyword หรือคำค้นหา ซึ่งเป็นคำที่ เฉพาะเจาะจง โดยเมื่อลูกค้าค้นหา Keyword เหล่านั้นที่คุณได้ทำการลงโฆษณาไว้ Google Ads ก็จะทำงานโดยการส่งเโฆษณาเว็บไซต์ของคุณไปให้กับกลุ่มเป้าหมายได้ทันที และแม่นยำมากที่สุด
อาทิเช่น ถ้าเกิดมีคนค้นหาคำว่า “รับซื้อของโบราณ” และถ้าธุรกิจคือบริการรับซื้อของโบราณ และได้ลงโฆษณากับ Google โดยการซื้อ Keyword ค้นหาคำว่า “รับซื้อของโบราณ” “รับซื้อของเก่า” เอาไว้ Google ก็จะส่งเว็บไซต์ของคุณไปให้ผู้ค้นหาได้คลิ๊กเข้าไปเลือกใช้บริการกับคุณในเว็บไซต์ได้ทันที

ข้อด้อยของ Facebook Ads

ข้อด้วยของ Facebook Ads คือ ไม่ได้มีทุกกลุ่มความสนใจให้เราเลือก และการที่เราไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้า ที่เราต้องการนั้น อาจจะทำให้เราเสียเงินโฆษณาฟรี เมื่อเทียบ กับลงโฆษณากับ Google Ads ถึงแม้ว่าเราจะกำหนดความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย และจากเพศ จากภูมิภาค โดยละเอียดแล้วก็ตาม
ตัวอย่างเช่น ถ้าสินค้าที่คุณกำลังนำเสนอขายคือ “ห้องพักที่พัทยาที่สามารถพาสุนัขไปได้” การใช้เป้าหมาย ผ่านความสนใจ “Dog Lover” (หรือ คนรักสุนัข) ก็อาจจะไม่ตรงกลุ่มซะทีเดียว Facebook ก็จะส่ง Ads โฆษณาของเราไปให้กับคนที่เคยกด Like หรือ Engage กับภาพสุนัข ซึ่งคนที่รักสุนัขบางคน ก็อาจจะไม่ได้เลี้ยงสุนัขอยู่ก็ได้
ฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องวางแผนการตั้งกลุ่มเป้าหมายให้ดี เพื่อป้องกันการเสียเงินทำโฆษณา แต่โฆษณา กลับไปไม่ตรงกลุ่มที่เราตั้งไว้จริงจัง โดยในกรณีนี้ อาจจะเลือกกลุ่มเป้าหมายที่สนใจใน Dog food (หรือ อาหารสุนัข) แทน เพราะว่าคนที่สนใจใน Dog Food นั้นอาจจะเลี้ยงสุนัขอยู่จริงก็ได้
Facebook Ads เป็นการทำการตลาดแบบเชิงรุก ซึ่งจะเป็นการนำโฆษณาของเราไปแสดงคั่น ระหว่างที่กลุ่มเป้าหมายของเรา กำลังอ่านหรือดูโพสต์ของเพื่อนๆและคนในครอบครัวอยู่ ซึ่งเป็นการตลาดที่เข้าถึงได้ในวงกว้าง ถ้าเกิดจุดประสงค์หลักของคุณคือต้องการให้คนรู้จักมากขึ้น Facebook Ads ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี

ข้อด้อยของ Google Ads

Google Ads ไม่สามารถใช้ทำโฆษณาในเชิงโปรโมทสินค้า หรือบริการที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักได้ เพราะการเข้าถึงของ Google นั้นจะเกิดขึ้นได้เมื่อมีการ “ค้นหา ด้วย keyword” เป็นหลัก เมื่อชื่อสินค้าหรือบริการยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ก็ไม่สามารถที่จะเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บได้

Google Ads จะเป็นการทำการตลาดแบบตั้งรับ เราแค่ต้องรู้ว่าลูกค้ามี Pain Point หรือ ปัญหาอะไร และต้องการอะไร ถ้าเรามีบริการ หรือสินค้าที่ตอบโจทย์ได้ ก็จะสามารถนำเสนอสินค้า หรือบริการได้แม่นยำขึ้น

สรุป

ถ้าให้สรุปสั้นๆ ง่ายๆ เราขออธิบายให้กระชับดังนี้
โฆษณาใน Google เหมาะกับธุรกิจที่มีสินค้าหรือบริการ ที่ใช้เหตุผลในการเลือก ใช้ข้อมูล ใช้ logic ใช้ตรรกะในการตัดสินใจ ส่วนโฆษณาใน Facebook เหมาะกับธุรกิจ สินค้า หรือบริการ ที่ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลในการเลือกตัดสินใจ พอนึกภาพออกไหมครับ?

Google = เหตุผล,ข้อมูล

Facebook = อารมณ์

เราจะยกตัวอย่างให้เล็กน้อย เพื่อจะได้คิดภาพตามกันออกว่า Google Ads และ Facebook Ads นั้นใช้งานแตกต่างกันอย่างไร
สมมุติว่าเราต้องการจะหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า และบริการของ “อาการปวดหลัง” หรือหาที่รักษาเราจะค้นหาข้อมูลใน Google ก่อนถูกไหมครับ หรือถ้าเราต้องการจะหาข้อมูลว่ารถยี่ห้อไหนดี หรืออยากเปรียบเทียบรถยตน์สองรุ่น เราก็จะต้องเข้าไปค้นหาใน Google หรือแม้กระทั่งตั๋วเครื่องบิน หรือที่พักในต่างแดน หลายๆคนก็เริ่มต้นจาก Google ด้วยกันทั้งนั้น ถ้าธุรกิจของคุณมีสินค้าหรือบริการ ที่เฉพาะเจาะจง ก็ควรเลือกใช้ Google Ads ในการโฆษณา

ในอีกมุมนึง Facebook Ads นำเสนอโฆษณาของเราให้กับกลุ่มเป้าหมายที่เราเลือกไว้ และแทรกโฆษณาเข้าไปในระหว่างที่เค้ากำลังเลื่อน feed อ่านความเคลื่อนไหวของเพื่อน หรือดูภาพของครอบครัว

โดยกลุ่มเป้าหมายนั้น เราสามารถเลือกได้จากความสนใจ จากเพศ จากภูมิภาค จากการศึกษา เป็นต้นโดยที่คนเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องตามหาสินค้าหรือบริการของเราอยู่ก็ได้ แค่เราต้องเลือกความสนใจที่ เหมาะสมกับสินค้าของเรา อาทิเช่น เราอาจจะเสนอขาย ทัวร์เที่ยวญี่ปุ่น ให้กับ ลูกค้าที่สนใจกล้องถ่ายรูป ก็ได้ อีกตัวอย่างเกี่ยวกับการโฆษณาโดยระบุ Location ยกตัวอย่างว่าเราเป็นเจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นเราสามารถใช้ Facebook Ads ในการนำเสนอ Promotion เมนูใหม่ ให้กับคนที่สนใจอาหารญี่ปุ่น และอาศัยอยู่ไม่ไกลในรัศมีระยะ 10 กิโลเมตรจากร้านของเราได้เป็นต้นครับ

สุดท้ายนี้เราคงไม่สามารถฟันธงได้ว่า Facebook Ads กับ Google Ads อันไหนดีกว่ากัน เพราะมันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

แน่นอนว่าปัจจัยหลักนั้นขึ้นอยู่กับธุรกิจของคุณด้วย ส่วนใหญ่แล้ว เราจะแนะนำให้ลูกค้า ใช้งาน 2 อย่างควบคู่กันไป โดยจะแบ่งสัดส่วนงบประมาณไปไว้ที่อันไหนมากกว่า หรือน้อยกว่าขึ้นกับธุรกิจและจุดประสงค์ของการทำโฆษณาครั้งนั้นด้วยครับ

ถ้าหากคุณสงสัย หรือสนใจที่จะให้ทาง Crossover.Lab ช่วยเหลือคุณในการวางกลยุทธ์ในการทำโฆษณา หรือรับคำปรึกษา Digital Marketing Consultant สามารถกดที่ Link ด้านล่างได้เลย

บริการยิงโฆษณา Facebook Ads
บริการยิงโฆษณา Google Ads
Author avatar
CROSSOVER.LAB
https://wearecrossoverlab.com
Crossover.Lab คือห้องวิจัยและจัดเก็บพลังอันสร้างสรรค์ เราบริการครอบคลุมทุกอย่างด้าน การตลาดออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น วางแผนการตลาดในช่องทางออนไลน์ การทำ SEO/SEM ออกแบบ/ปรับแต่ง รับทำเว็บไซต์ ยิงโฆษณาขึ้นสื่อออนไลน์ต่างๆ รวมถึง การออกแบบ และการทำคอนเทนต์เพื่องานโฆษณา หากคุณต้องการพัฒนาธุรกิจของคุณ ให้เข้าสู่การตลาดแห่งยุคอนาคต Crossover.Lab คือคำตอบ